Published on 14 สิงหาคม 2024 , 1:32 pm

กรมสุขภาพจิต – NIA – FutureTales LAB – ETDA เปิดงานวิจัย  “อนาคตสุขภาพและสุขภาวะสังคมไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า” 

ประเทศจะพัฒนาอย่างยั่งยืน หากระบบสุขภาพดี มีการส่งเสริมเทคโนโลยีทางการแพทย์  และมีระบบสุขภาพที่แข็งแรง

องค์กรชั้นนำด้านสุขภาพและนวัตกรรมของประเทศ ได้เปิดเผยข้อมูลจากการวิจัยเกี่ยวกับภาพอนาคตด้านสุขภาพและสุขภาวะของคนไทยในอีกหนึ่งทศวรรษข้างหน้า ซึ่งได้ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ที่น่าวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยด้านจิตเวชที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

​​

สุขภาพและสุขภาวะของประชาชนถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

การมีระบบสุขภาพที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อทั้งเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลคลังข้อมูลทางการแพทย์และสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าจำนวนผู้ป่วยที่มารับบริการด้านจิตเวชมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 1.3 ล้านคนในปี 2558 เป็น 2.4 ล้านคนในปี 2565 สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาระบบสุขภาพและสุขภาวะให้มีความครอบคลุมและยั่งยืน

นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีสุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งทางกายและจิตใจ ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้ป่วยลดลง และผู้ที่เจ็บป่วยสามารถรับรู้สัญญาณเตือนและเข้าถึงระบบการรักษาได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องมีนโยบายที่มุ่งเน้นการส่งเสริมและดูแลสุขภาพกายและจิตตั้งแต่ระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และสังคม โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตอย่างจริงจัง

(H2) ความสำคัญของการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ในส่วนของเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระบบสาธารณสุขอย่างมีจริยธรรมและธรรมาภิบาล ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านสุขภาพ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลสุขภาพเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของบริการทางอิเล็กทรอนิกส์

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า การมีระบบสุขภาพและสุขภาวะที่ดีจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมไทย ดังนั้น การลงทุนในความก้าวหน้าด้านการดูแลสุขภาพ การออกแบบพื้นที่เพื่อสุขภาพและสุขภาวะ และการส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องได้รับการขับเคลื่อนอย่างเข้มแข็ง

สถานการณ์และสัญญาณเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพและสุขภาวะ

จากการศึกษาโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้ระบุประเด็นขับเคลื่อนสำคัญที่จะสร้างผลกระทบต่อระบบสุขภาพและสุขภาวะในสังคมไทย ดังนี้

1. การสร้างการตื่นรู้ด้านสุขภาพ (Health Actualization) ให้กับสังคมไทย โดยการส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้และวิจารณญาณในการดูแลสุขภาพของตนเอง

2. การพัฒนาระบบสาธารณสุขเชิงรุก (Proactive Public Health System) อย่างเข้มแข็ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภัยพิบัติและภัยคุกคามด้านสาธารณสุข รวมถึงส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะอย่างมีประสิทธิภาพและเสมอภาค

3. การเตรียมความพร้อมเพื่อตอบสนองต่อวิกฤติการณ์สาธารณสุข (Public Health Crises and Response) อย่างทันท่วงที

4. การลงทุนในความก้าวหน้าด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare Advancement) โดยนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ

5. การส่งเสริมให้เกิดการออกแบบพื้นที่เพื่อสุขภาพและสุขภาวะ (Healthy Space and Wellness Design) เช่น การพัฒนาเมืองแห่งสุขภาวะ

6. การส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบจำเพาะรายบุคคล (Personalized Healthcare) โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล

ภาพอนาคตด้านสุขภาพและสุขภาวะของสังคมไทย

จากการวิเคราะห์ คณะวิจัยได้พัฒนาภาพอนาคตด้านสุขภาพและสุขภาวะของสังคมไทยออกมา 5 รูปแบบ ดังนี้

1. สิ้นแสงสาธารณสุข (Dusk of Healthcare) เป็นภาพอนาคตที่ระบบสุขภาพเปราะบางและประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพได้

2. ระบบสุขภาพทั่วหล้า (Public Health Meridian) ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันภัยด้านสาธารณสุขและส่งเสริมสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ค่ำคืนการแพทย์ขั้นสูง (MedTech Twilight) เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงช่วยยกระดับคุณภาพการบริการ แต่มีประเด็นท้าทายด้านความเหลื่อมล้ำ ความปลอดภัยข้อมูล และจริยธรรม

4. รุ่งอรุณสุขภาวะ (Dawn of Wellness) ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเมืองเพื่อส่งเสริมสุขภาวะ

5. สุขภาพสุขสมบูรณ์ (Zenith of Self-Care) เกิดการกระจายศูนย์กลางของระบบสุขภาพด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้บริการที่ตอบสนองความต้องการรายบุคคล

ส่งเสริมให้สังคมไทยมุ่งสู่ภาพอนาคตที่พึงประสงค์ด้านสุขภาพและสุขภาวะ 

จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินงานใน 6  ประเด็นขับเคลื่อนหลัก ดังนี้

1. การสร้างการตื่นรู้และความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ให้กับประชาชน โดยส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ ทักษะ และความสามารถในการจัดการสุขภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การพัฒนาระบบสาธารณสุขเชิงรุกและการเตรียมความพร้อมรับมือกับวิกฤติการณ์สาธารณสุข โดยการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข และการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

3. การส่งเสริมการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพ โดยนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงมาประยุกต์ใช้ในการยกระดับคุณภาพการบริการ พร้อมทั้งคำนึงถึงประเด็นความเหลื่อมล้ำ ความปลอดภัยข้อมูล และจริยธรรม

4. การส่งเสริมให้เกิดการออกแบบพื้นที่และสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนสุขภาพและสุขภาวะ โดยการพัฒนาเมืองและชุมชนให้เป็น “เมืองแห่งสุขภาวะ” ที่เอื้อต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี

5. การส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบจำเพาะรายบุคคล โดยอาศัยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การแพทย์ทางไกล เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม และประชาชน ในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาระบบสุขภาพและสุขภาวะที่ยั่งยืนและครอบคลุมทุกมิติ

การมุ่งสู่ภาพอนาคตที่พึงประสงค์ด้านสุขภาพและสุขภาวะของสังคมไทยนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และประชาชน ในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่างๆ ที่ส่งเสริมการสร้างความตื่นรู้และความรอบรู้ด้านสุขภาพ การพัฒนาระบบสาธารณสุขเชิงรุกและการรับมือกับวิกฤติ การลงทุนในนวัตกรรมทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพแบบจำเพาะบุคคล การออกแบบพื้นที่และสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมสุขภาวะ รวมถึงการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่อนาคตที่ทุกคนมีสุขภาพและสุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งกายและใจอย่างแท้จริง

Comment :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *