Published on 13 สิงหาคม 2024 , 1:47 pm
The Green Craft House พื้นที่พักใจยามเหนื่อยล้า ที่เปรียบเสมือน “บ้านของเรา”
“เราอยากให้ที่นี่คือบ้านที่เราอยู่แล้วมีความสุข มีความอบอุ่นที่ได้มาที่นี่”
ประโยคข้างต้นหากได้กล่าวสำหรับเราคงคิดว่าไม่เกินจริงสักนิดเดียว สำหรับพื้นที่แห่งนี้ในตอกซอยเล็กๆ ของวงเวียนใหญ่กับร้าน The Green Craft House พื้นที่แห่งการได้ปลดปล่อยความเครียด เติมเต็มความอบอุ่นในหัวใจ รับพลังผ่อนคลายใต้ร่มไม้สีเขียว
ช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ เราได้มีโอกาสเดินทางไปยังวงเวียนใหญ่ บรรยากาศของที่นั้นเต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าเรียงแถวทอดยาวตลอดสองข้างทาง กระทั่งได้เดินเข้าไปในตอกซอกซอยเล็กๆ เส้นทางหนึ่งก็ได้ค้นพบกับร้านที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด พร้อมกับบ้านไม้เก่าแก่หนึ่งหลัง ด้านนอกประดับไปด้วยรั้วไม้ที่มีป้ายเขียนไว้ว่า “The Green Craft House”
ใครจะคาดคิดว่าพื้นที่ที่โอบล้อมไปด้วยตึกสูงเฉียดฟ้าจะมีบ้านหลังเล็กๆ ที่ประดับประดาไปด้วยต้นไม้เขียวขจีที่ให้ความร่มรื่นอันเย็นสบายที่ตัดกับสภาพอากาศในประเทศไทย เราไม่รอช้าก้าวขาเดินเข้าไปก่อนจะได้พบกับพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ และน้องแมวเหมียวสุดน่ารัก พร้อมบรรดาเหล่าคนมากหน้าหลายตาที่สัญจรวนเวียนเข้ามาทำกิจกรรมในพื้นที่แห่งนี้ในสถานที่ที่ชื่อว่า The green Craft House
ชื่นชมบรรยากาศของพื้นที่แห่งนี้ได้สักครู่ เราก็ได้พบกับ ‘พี่โช-โชติกา อิทธิยากร’ เจ้าของบ้าน The Green Craft House สาวผมสั้นสุดน่ารักที่ออกมาต้อนรับพวกเรา คอยแนะนำว่าที่นี่มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ซึ่งกล่าวได้เลยว่า The Green Craft House เปรียบดั่งพื้นที่ของบ้านหลังเล็กๆ ที่คอยปลอบประโลม และเป็นพื้นที่แห่งการได้พักใจ มาพร้อมกับทำกิจกรรมสุดฮีลใจที่รอให้ทุกคนเข้ามาเติมเต็มความสุขได้ยัง ณ สถานที่แห่งนี้
The Green Craft House เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเรา
ที่นี่ถ้ากล่าวว่าคือบ้านหลังที่สองคงคิดว่าไม่เกินจริงสักนิดเดียว ด้วยบรรยากาศผนวกเข้ากับพื้นที่ในการทำกิจกรรมต่างๆ ส่งผลให้ The Green Craft House กลายเป็นบ้านที่น่าอยู่ในวันที่เหนื่อยล้า
หลังจากที่พี่โชเจ้าของร้านได้บอกกับทางทีมงานว่า ที่นี่มีให้เพ้นท์ขวดฟรีด้วยนะ พวกเราก็ต่างตื่นเต้นกับกิจกรรมของที่นี่เพราะไม่คิดว่าจะสามารถเพ้นท์ฟรี ไม่รอช้ารีบหยิบกันคนละขวดสองขวด พร้อมกับกระดาษวาดรูปอีกสองสามแผ่น ก่อนจะเดินไปนั่งยังโต๊ะยาวหน้าบ้านที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สีเขียวและขวดแก้วลวดลายต่างๆ
ถึงแม้จะเป็นวันธรรมดาช่วงบ่ายแก่ๆ ทว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการต่างมาไม่ขาดสาย พี่โชคอยต้อนรับบริการด้วยตัวเองทุกคนเหมือนดั่งคนที่มาที่นี่คือเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมเยือนบ้านของตนเอง ผ่านไปไม่นานเมื่อลูกค้าเริ่มบางตาพี่โชก็เดินมาหาพวกเรา ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ถึงแม้พี่โชถึงแม้จะรับลูกค้ามากมาย ทว่าใบหน้าของพี่โชกลับยิ้มแย้มชวนพวกเราพูดคุยเกี่ยวกับบ้านแห่งนี้ เราไม่รอช้าจึงได้ถามพี่โชเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของบ้านหลังนี้ทันที พี่โชยิ้มแยมก่อนจะตอบว่า
“พี่โชเริ่มจากจุดเล็กๆ ที่เราอยากมีพื้นที่ให้ตัวเองค่ะ ด้วยช่วงเวลานั้นอยู่ในช่วงโควิด การทำงานในช่วงนั้นค่อนข้างเครียดมาก ด้วยสภาวะตอนนั้นเราคิดว่าอยากจะมีพื้นที่ให้ตัวเองก็เลยมาเปิดเป็นบ้านให้ตัวเองอยู่ เราก็แค่คิดว่าถ้าเรามีบ้าแล้ว เราก็อยากให้เพื่อนๆ มาใช้พื้นที่ของเรา และเราก็อยากใช้พื้นที่ของเราทำงานอย่างอื่นที่ชื่นชอบด้วย”
คำตอบของพี่โชสร้างความประทับใจให้เราอย่างยิ่งยวด จุดเริ่มต้นเล็กๆ จากการอยากหาพื้นที่ให้ตัวเองสู่พื้นที่ที่ต้อนรับทุกคนอย่างแสนอบอุ่น และเมื่อหากมองไปรอบๆ บ้านอย่างถี่ถ้วน เราจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาสที่แสนสบาย ด้วยการตกแต่งที่แสนอบอุ่น ทำให้ The Green Craft House เป็นพื้นที่แห่งการผ่อนคลายที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเราตั้งแต่ก้าวขาเข้ามายังพื้นที่แห่งนี้เลย
“เราเปิดพื้นที่ให้คนมาใช้เวลา ได้มาพัพผ่อนได้เต็มที่ อย่างเวลาทำงาน หรือเรียนเหนื่อยๆ หลายคนก็มาหาพื้นที่ที่มารวมตัวกัน มาเล่นเกมกัน แล้วค่อยมาทำงานศิลปะ หรือบางคนก็จะมาเดินรอบๆ บ้านก่อน เพื่อใช้พื้นที่ทีละจุดในการพักผ่อน” พี่โชกล่าวเพิ่มเติม
ในระหว่างที่เรารังสรรค์ผลงานศิลปะบนขวดแก้วไปเรื่อยๆ ทางเราก็ได้ถามกับพี่โชว่า ที่มาของการตั้งชื่อร้านว่า The Green Craft House คืออะไร? ไม่รอช้าพี่โชไขข้อสงสัยให้เราทันที
“จริงๆ ช่วงนั้นเราชอบท่องเที่ยวมากๆ ความรู้สึกของงเราก็จะชอบท้องฟ้า ต้นไม้ ภูเขา มันก็มีความเป็นกรีนมากๆ ส่วน craft ก็คือการที่เราชอบหัดทำ ชอบทำ การได้เริ่มลองทำอะไรใหม่ๆ มันทำให้หัวใจเราฟู”
พื้นที่สีเขียวแห่งย่านวงเวียนใหญ่
หากมองไปรอบๆ จะเห็นได้เลยว่า The Green Craft House ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่สีเขียวก็คงกล่าวไม่เกินจริง เนื่องจากพื้นที่รอบข้างนั้นเต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าทุกพื้นที่ของสายตา พอได้ถามเหตุผล พี่โชก็ไขก็ได้บอกว่าเดิมทีแล้วที่นี่เป็นเพียงบ้านไม้ร้างเพียงหนึ่งหลังที่ไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงพื้นที่โล่งๆ ที่มีต้นมะยมไม่สูงไม่ใหญ่เพียงต้นเดียวเท่านั้นที่ปลูกไว้อยู่หน้าบ้าน หลังจากนั้นพี่โชก็นำต้นไม้ที่ตนเองชื่นชอบเข้ามาปลูกเรื่อยๆ
“เราชอบสีเขียว แต่เราไม่เคยปลูกต้นไม้เลย เราเลยลองนำต้นไม้มาปลูกที่นี่ เพราะมันเหมือนกับงานคราฟต์อย่างหนึ่ง คือการที่เราได้เริ่มหัดทำ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ อย่างการปลูกต้นไม้มันคือการใช้มือในการทำ ได้ใช้ความรู้สึกในการทำ”
และเมื่อเราถามว่าพี่โชคิดว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สีเขียวมั้ย พี่โชยิ้ม ก่อนจะเอ่ยว่า
“พี่โชคิดว่าก็เป็นในมุมหนึ่ง ถามว่าเขียวได้มั้ยเขียวได้แน่นอน อาจจะเพราะมันอยู่ล้อมรอบด้วยตึกสูงใหญ่ระฟ้า แต่สำหรับพี่โชก็อยากให้มันเขียวกกว่านี้”
จากที่กล่าวไปตอนต้น บ้านหลังนี้เดิมทีก็เป็นเพียงบ้านไม้ร้างโล่งๆ แห่งนี้ที่อยู่ในตรอกซอกซอยเล็กๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยตึกสูงใหญ่ แต่หลังจากที่พี่โชเช้ามา บ้านไม้หลังนี้ก็ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งที่ถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้นานาชนิดที่พี่โชตั้งใจนำมาปลูกด้วยความชอบของตนเอง ปัจจุบันต้นไม้เหล่านี้ยังคงได้รับการดูแลเอาใจใส่โดยพี่โชอย่างประจำ และถูกรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีคุณแม่ของพี่โชได้เข้ามาช่วยดูแลเพิ่มขึ้นอีกแรง ทำให้ The Green Craft House เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเย็นสบาย ผนวกกับความร่มรื่นที่ปลุกความมีชีวิตชีวาให้กับเราในสภาพอากาศที่ร้อนระอุ
ผลงานศิลปะ เล่นเกมส์ กองหนังสือการ์ตูน และน้องแมวเหมียว
นอกจากต้นไม้เขียวขจีแล้ว The Green Craft House จะเต็มไปด้วยผลงานศิลปะเล็กใหญ่ และลวดลายมากมายที่คนที่เข้ามาใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นขวดแก้วที่ถูกเพ้นท์ด้วยสีสันต่างๆ หรือแม้กระทั่งกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่มีผลงานศิลปะสุดน่ารักที่ติดไว้ตรงผนังกำแพง พร้อมให้คนที่เข้ามาที่นี่ได้เดินชมอย่างเพลินตา โดยในขณะที่เรากำลังเพ้นท์ขวดแก้วเพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เราก้ได้ถามถึงข้อสงสัยว่าทำไมพี่โชถึงนำกิจกรรมนี้เข้ามาและเป็นกิจกรรมที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย พี่โชก็ไม่รีรอพร้อมตอบคำถามเราทันที
“จริงๆ แล้วพี่โชเป็นคนที่ไม่เคยวาดรูปเลย แต่ว่ามาเริ่มทำก่อนเปิดบ้านได้สักพักหนึ่ง ก็คือเริ่มตั้งแต่การหัดไล่สีกัน แล้วก็เลยเกิดเป็นความชอบ แต่ว่าเราก็ไม่เก่งวาดรูปนะ แต่เราชอบเพ้นท์ จะเป็นสี จะเป็นอะไรก้ได้ แค่รู้สึกว่าเวลาเพ้นท์ไปเรื่อยๆ มันจะเป็นความรู้สึกของเรา บางทีในช่วงเวลาที่เราต้องการความสงบ เราก็จะเพ้นท์เพื่อช่วยในเรื่องของสมาธิ”
“อย่างขวดแก้วที่วางเรียงรายอยู่ตามพื้นที่ในบ้านก็เป็นขวดที่ใช้จากการทำเครื่องดื่มให้ลูกค้า จริงๆ มันจะเหลือเยอะมาก แล้วแต่ก่อนไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรดีเป็นขวดโซดา ก็เลยเอามาให้ทุกคนได้ใช้ ได้มาเพ้นท์กัน จริงๆ แล้วขวดนี้ทุกคนสามารถเอากลับบ้านได้ หรือบางทีก็อยากตั้งไว้ที่นี่ กลายเป็นว่าทุกพื้นที่จะเต็มไปด้วยขวดลวดลายต่างๆ ที่วางอยู่ทุกพื้นที่ของร้าน”
ถึงแม้จะมีขวดลาดรายต่างๆ ถูกจับจองเป็นเครื่องประดับที่ถูกตกแต่งเป็นเอกลักษณ์ของร้าน ทว่ายังมีกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่กลายมาเป็นของตกแต่งภายในร้านที่แปะไว้ตามผนังพร้อมๆ กันอีกด้วย สร้างความสุนทรีย์ให้แก่ผู้มาเยี่ยมเยียนบ้านหลังแห่งนี้
“ด้วยความที่เราเริ่มจากกระดาษใบแค่นี้ เราก็เลยทำให้เพื่อนๆ ทำเหมือนกันกับเรา ทุกคนเลยเอามาติดแปะ เป็นผลงานศิลปะของตัวเองไว้ตามผนังของร้าน สร้างความสวยงาม และรู้สึกหัวใจพองโตเมื่อมองเข้ามา” พี่โชเจ้าของร้านกล่าวเพิ่มเติมกับเราที่ไล่สายตามองไปยังทุกพื้นที่ของร้าน
และพอถามถึงนิยามคำว่าศิลปะสำหรับพี่โชเป็นแบบไหน พี่โชก็ตอบเราว่า
“เป็นอะไรก็ได้ เพราะบางทีเราไม่รู้หรอกว่าเราแบบรู้สึกยังไง บางทีก็ไม่ได้รู้สึกอยากวาดด้วยซ้ำ แต่แค่อยากเพ้นออกมา ให้นิยามมันยากมากเลย แต่มันคือความสบายใจ ทุกครั้งที่ได้เพ้นท์ออกไป มันเหมือนแบบเราเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา ออกมาเป็นสีสัน แล้วรูปมันจะค่อยๆ เกิดขึ้นเอง”
และเมื่อกำลังไล่สายตาชื่นชมความสวยงามผลงานศิลปะจากทุกคน สายตาเราก็สะดุดเข้ากับมุมเล็กๆ ภายในตัวบ้านที่มีกลุ่มเพื่อนประมาณสามสี่คนกำลังหัวเราะ พูดคุย พร้อมหยอกล้อกันอยู่หน้าทีวี พอสอบถามก้ได้ความว่ามุมนี้คือพื้นที่ของการปลดปล่อยความเครียดด้วยการมานั่งเล่นเกมส์สร้างความสนุกกับเพื่อนๆ ซึ่งพี่โชก็บอกพร้อมรอยยิ้มว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นกิจกรรมที่พี่โชชอบมากเหมือนกัน มองเลยไปอีกนิดก็จะเห็นกองหนังสือหลายร้อยเล่มตั้งวางด้วยกันอย่างเป็นระเบียบ
“เรื่องเกมส์ มันเป็นของที่เรามีอยู่แล้ว เราชอบเล่นเกม แต่เราเล่นไม่เก่งหรอก แต่เราชอบดูคนอื่นเล่น เราก็เลยเอามาตั้งไว พอคนมาเล่นเรื่อยๆ บางคนก็นำเกมของตัวเองมาแชร์ มาวางไว้ให้คนอื่นๆ ได้เล่นด้วย รวมถึงหนังสือการ์ตูนเป็นของที่เราชอบ เราก็เลยเอามาแชร์ให้คนอื่นได้อ่านกัน มันเป็นของที่เราเก็บไว้ มันเหมือนกับว่าเราเก็บไว้คนเดียวมันก้แค่เก็บ แต่ว่าถ้าเอามาให้คนอื่นได้อ่านด้วยมันก็สนุก”
หนังสือในร้าน The Green Craft House นอกจากจะเป็นหนังสือประเภทการ์ตูนมังงะแล้ว ที่นี่ยังมีหนังสือหลากหลายประเภทในเราได้เลือกอ่านอีกด้วย
“มุมกองหนังสือ เกิดจากความชอบของพี่โช อย่างหนังสือมังงะจะเป็นของพี่โชหมดเลย แต่ก็มีคนที่มาที่นี่มาแบ่งปันหนังสือที่เขาชอบด้วย อย่างหนังสือท่องเที่ยว หรือมีนักเขียนมาเค้าก็เอาหนังสือมาให้”
นอกจากนี้พี่โชยังบอกพวกเราอีกว่า “พื้นที่นี้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มามีส่วนร่วมและแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ตุ๊กตาที่น่ารัก เกมต่างๆ”
พูดคุยกันสักพัก ขวดแก้วเริ่มมีลวดลายที่เห็นเป็นรูปเป็นร่างก่อตัวเข้ามา อยู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกเข้ามาพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าของเสียงสี่ขาอย่างแมวอ้วนดวงตากลมโต ที่เดินผ่านไปทางไหนก็เป็นจุดสนใจได้ทุกพื้นที่ พร้อมแย่งกันเข้ามาอุ้ม เข้ามาหอม มากอด รวมทั้งเราที่อดไม่ได้จะตกหลุมรักเหล่าน้องๆ แมวเหมียว
“น้องแมวตอนแรกเรามีแมวดำ 3 ตัว แต่ก็มีลูกค้าเอามาจากหัวมุมมาให้เราเลี้ยง มันก้ขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่ามีแมวเยอะมาก”
พี่โชกล่าวพร้อมรอยยิ้ม แมวที่นี่เรารับรู้ได้เลยว่าถูกเลี้ยงดูมาโดยอย่างดี พี่โชยังเล่าอีกว่าลูกค้าบางคนมายังสถานที่แห่งนี้ก็มาเพียงเพราะแค่อยากมาเล่นกับน้องแมวเฉยๆ ก็มี ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งเจ้าของร้านที่คอยต้อนรับทุกคนในวันที่แสนเหนื่อยล้าได้อย่างดีเยี่ยมเลย
อาหารฝีมือแม่ และเครื่องดื่มแสนอร่อย
ถ้าหากมาที่ The Green Craft House แล้วไม่พูดถึงอาหาร และเครื่องดื่มคงไม่ได้ เพราะที่นี่มีเครื่องดื่ม และอาหารแสนอร่อยมากมาย เราลองสั่งผัดกระเพราหมูสับไข่ดาว เมนูง่ายๆ ทว่าแฝงไปด้วยความคิดถึงของแม่ที่อยู่ที่บ้าน พี่โชเล่าว่าทุกเมนูของอาหารได้คุณแม่เข้ามาช่วยทำ ซึ่งสร้างความประทับใจ และแสดงถึงความเป็นบ้านได้โดยแท้จริง เพราะมันเปรียบเสมือนเรากำลังทานอาหารจากฝีมือคนเป็นแม่ของเรา ส่วนน้ำ ทางพี่โชก็ลงมือทำด้วยตัวเองทุกแก้ว โดยเริ่มจากการหัดทำด้วยตัวเอง
“เราไม่รู้หรอกว่าเราชอบอะไรบ้าง ดังนั้นเราต้องลองทำดู อย่างเราไม่เคยทำอาหาร เราก็ลองทำอาหาร เราไม่เคยทำเครื่องดื่ม เราก็ลองทำเครื่องดื่ม เราเริ่มจากหัดทำไปเรื่อยๆ”
“เรื่องอาหารและพวกเครื่องดื่ม เราไม่ได้เรียนแต่เราหัดทำ ถ้าเราทำได้ดี แล้วเราสนุก มันจะกลายเป็นความชอบของเรา อย่างตอนนี้คุณแม่มาช่วยทำอาหาร ก็จะให้ความรู้สึกกินข้าวฝีมือแม่เลย อย่างเราชอบรสชาติแบบไหนเราก็จะทำออกมาเป็นรสชาติของเรา เหมือนรสชาติอาหารบ้าน บ้านเรารสชาติแบบนี้จะกินแบบนี้
โดยพี่โชได้กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า “เรื่องอาหารคิดว่าถ้าเพื่อนมาบ้าน ก็ต้องมีอะไรให้เพื่อนกิน ก็เลยคิดเมนูนั้น เมนนูนี้ขึ้นมา”
ซึ่งอาหาร และเครื่องดื่มของร้าน The Green Craft House ถือว่าถูกปากของเราจริงๆ
พื้นที่ผ่อนคลาย ที่อยากคงความเป็นบ้านแสนอบอุ่นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
The Green Craft House เปรียบเสมือนดั่งบ้านหลังที่สอง ซึ่งในอนาคตเมื่อมีคนหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับพี่โชแล้วก็คงอยากรักษาสภาพพื้นที่แห่งนี้เอาไว้ดั่งเดิม ให้พื้นที่แห่งนี้เหมือนบ้านที่สร้างความสบายใจแก่คนที่เข้ามาเยือนให้เป็นพื้นที่ที่ปล่อยความคิดที่เครียดๆ ไว้ข้างนอก และมาผ่อนคลายกับสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าบ้านในนามของ The Green Craft House
“เรารู้สึกว่าอยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ให้มันเป็นพื้นที่เล็กๆ พอ เมื่อไรก็ตามที่รู้สึกว่าถ้าคนมันเยอะแล้ว มันใหญ่มากๆ มันจะไม่เป็นเหมือนเดิม แม้กระทั่งตัวเราเองด้วย มันจะมองเหมือนแบบทุกอย่างน่าจะเป็นเม็ดเงิน เราไม่อยากรู้สึกแบบนั้น เราก็เลยเอาเท่านี้ก็พอ ทำจนวันหนึ่งที่เรารู้สึกพอใจกับสิ่งที่เราทำแล้วเราค่อยหยุด”
และถ้าหากถามว่าจุดเด่นของที่นี่คืออะไร เชื่อว่าหลายคนคงมีคำตอบที่แตกต่างกันไป อย่างเราก็คงตอบว่าเป็นสถานที่พักผ่อนที่ช่วยฮีลใจเราในวันเครียดๆ ได้ บ้างบางคนก็ตอบว่าเป็นพื้นที่ที่พาเรามาเป็นจิตกรที่รังสรรค์ผลงานศิลปะ หรือบ้างบางคนตอบว่าน้องแมวเหมียวที่ทำให้ใจฟูเมื่อมาเยือน ซึ่งคำตอบเหล่านี้ล้วนไม่มีคำตอบไหนถูก หรือผิดเลย เพราะพี่โชต้องการให้พื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่แห่งการปลดปล่อยความคิดอันเป็นอิสระ
“The Green Craft House สำหรับพี่โชคือเป็นพื้นที่อิสระ ใครจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องกำหนดว่าจะต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเท่าไร มันเลยทำให้ทุกคนสบายใจที่จะมาที่นี่ สามารถอยู่ตั้งแต่เช้าจนปิดร้านก็ได้ เป็นพื้นที่ทำงานด้วยก็ได้”
“เหมือนตอนที่คุณอยู่ข้างนอกคุณคิดเยอะแล้ว พอมาที่นี่ก็อยากให้ปล่อยความคิด อยากเล่นไรก็เล่น”
ไม่มีประโยคไหนของพี่โชที่ไม่เป็นความจริงเลย เพราะเราสัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาที่ร้านแห่งนี้ เพราะแต่ละคนที่เข้ามาล้วนทำกิจกรรมที่แตกต่างกันไป ซึ่งมีทั้งกลุ่มเพื่อน กลุ่มคู่รัก หรือจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งหากใครอยากมาคนเดียวพี่โชยังบอกอีกว่าไม่ต้องเป็นกังวล สามารถมาได้ทั้งคนเดียว หรือมากับเพื่อนก็ย่อมได้
“ต่อให้ไม่มีเพื่อน มาคนเดียวก็มาได้ สามารถมาเล่นคนเดียวได้ ถ้าไม่มีเพื่อนเล่นเดี๋ยวพี่โชไปเล่นด้วย เพราะเราอยากให้ที่นี่เป็นบ้านของเพื่อนเราจริงๆ อยากให้ทุกคนมาแล้วรู้สึกสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ”
พูดคุยกันเป็นเวลาสักพักใหญ่ลูกค้าเริ่มหลั่งไหลเข้ามา เราจึงต้องบอกลาพี่โช และปล่อยให้พี่โชได้ออกไปต้อนรับลูกค้า ความเป็นกันเอง และความผ่อนคลายของพี่โชเจ้าของร้าน ทำให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับไป อีกทั้งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบรรยากาศรอบๆ ของที่นี่ทำให้เราได้ปลดปล่อยความคิดที่ฟุ้งซ่าน และได้เรียนรู้ สัมผัสความเรียบง่ายภายใต้บ้านไม้ที่โอบล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจี และกิจกรรมต่างๆ ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นใน The Green Craft House
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ต้องการหาพื้นที่ให้ตนเองในช่วงเวลาโควิดระบาด ผนวกเข้ากับความชอบของตนเองที่อยากจะแบ่งปันให้ทุกคน ทำให้ได้ก่อกำเนิด The Green Craft House ที่ได้เดินทางมาเป็นระยะเวลาถึง 4 ปีแล้ว ทว่าพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ยังตลบอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ความผ่อนคลาย ที่เปรียบดั่งเสมือนบ้านที่พักพิงในยามเหนื่อยล้า เป็นพื้นที่เล็กๆ ที่เราได้กลับมาอยู่กับตัวเอง ได้มาปลดปล่อยความเครียดผ่านกิจกรรมต่างๆ อย่างกิจกรรมวาดรูป เล่นกับน้องแมว หรือแม้กระทั่งการนั่งมานั่งร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ กับมุมเล่นเกม อีกทั้งยังมีมุมอ่านหนังสือได้เราเพลิดเพลินไปกับมุมโลกแห่งจินตนาการ ซึ่ง The Green Craft House ไม่เพียงแต่จะมีกิจกรรมสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังคงยึดมั่นในความเชื่อของตนเองที่เมื่อเวลาเปลี่ยนผ่านไปนานเท่าไร พื้นที่แห่งนี้ยังเปรียบเสมือนบ้านที่แสนอบอุ่น และเป็นที่พักใจที่จะยังคงอยู่เสมอ ผนวกเข้ากับพื้นที่สีเขียวที่ยังจะคงอยู่ท่ามกลางตึกสูงใหญ่ในปัจจุบัน และอนาคต
สำหรับเราที่ได้เดินทางเข้ามาสัมผัส และร่วมพูดคุย พร้อมทำกิจกรรมต่างๆ มากมายในพื้นที่อันแสนอบอุ่นที่ขึ้นชื่อว่า The Green Craft House กล่าวได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ในกรุงเทพมหานครที่ยังคงซึ่งไว้ในเอกลักษณ์ของตนเองที่จะมอบผ่านความอบอุ่นที่แสนวิเศษ และเป็นสถานที่พักใจในวันที่แสนเหนื่อยล้าท่ามกลางชีวิตที่แสนจะวุ่นวายได้อย่างดีเยี่ยม ณ พื้นที่บ้านไม้หลังเล็กๆ โอบล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจีแห่งนี้ พี่โชบอกกับเราว่า “ยินดีต้อนรับทุกคนค่ะ”
Comment :