Published on 11 สิงหาคม 2024 , 1:49 pm
คนท้องก็ออกกำลังกายได้ ‘โยคะ’ ทางเลือกที่ดีเพื่อสุขภาพคุณแม่และลูก ที่ Living Nest Yoga Studio
ในสังคมไทยมีความเชื่อสืบทอดกันมาว่า “คนท้องไม่ควรออกแรงหรือออกกำลังกายมากนัก” อาจเนื่องมาจากความกังวลต่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูกในครรภ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากคนท้องออกกำลังกายอย่างถูกวิธีและเหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ และยังดีต่อสุขภาพจิตใจด้วย
โยคะคนท้อง: การบริหารร่างกาย และจิตใจสำหรับคุณแม่ยุคใหม่
ที่ Living Nest Yoga Studio ย่านนนทบุรี คุณครู “ลูกน้ำ-ดลพร อยู่สุข” เจ้าของสตูดิโอและครูสอนโยคะมากประสบการณ์ เปิดคลาสสอนโยคะสำหรับคนท้องมาแล้ว 6 ปี ด้วยความเชื่อที่ว่าคนท้องสามารถออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่างๆ ได้เกือบเหมือนคนปกติ หากอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ
โยคะคนท้องเป็นการบริหารร่างกายแบบพิเศษสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ลดอาการปวด และปรับสภาพจิตใจให้ผ่อนคลาย โดยครูลูกน้ำจะแนะนำท่าโยคะที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงอายุครรภ์ คำนึงถึงสรีระร่างกายและตำแหน่งของทารกในครรภ์เป็นสำคัญ
จากนักเรียนถึงครูผู้ถ่ายทอดโยคะ ชีวิตก็เปลี่ยนได้
เบื้องหลังการเป็นครูสอนโยคะคนท้องที่มีความรู้และประสบการณ์ ลูกน้ำเคยเป็นนักเรียนคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จบมาจึงมีแพลนจะทำงานด้านการออกแบบตามสายวิชาชีพที่เรียนมา แต่ชีวิตก็พลิกผันเมื่อหลังจบการศึกษาใหม่ๆ เธอตัดสินใจพักร่างพักใจจากการเรียนที่เหนื่อยหนักด้วยการมาเรียนโยคะ จนกลายเป็นงานประจำในที่สุด
ด้วยความรัก ความสนใจที่มีต่อโยคะ ลูกน้ำจึงตัดสินใจเรียนรู้อย่างจริงจังเพื่อก้าวสู่การเป็นครูสอนโยคะ โดยต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรพิเศษเกี่ยวกับการสอนโยคะคนท้อง ทั้งด้านสรีรวิทยาของผู้หญิงตั้งครรภ์ ท่าโยคะ และข้อควรระวังต่างๆ จนได้รับใบรับรองความสามารถ แม้จะไม่ใช่งานประจำที่ตั้งใจจะทำตั้งแต่แรก แต่ลูกน้ำก็มีความสุขกับการเป็นครูสอนโยคะเป็นอย่างยิ่ง
Living Nest Yoga Studio แห่งนี้ได้ถ่ายทอดหลักปรัชญาสำคัญให้กับคุณแม่ยุคใหม่ว่า การออกกำลังกายในช่วงตั้งครรภ์นั้นมีประโยชน์ในความหมายนั้น คนท้องสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เกือบเหมือนคนทั่วไป หากดูแลตนเองอย่างถูกวิธีและระมัดระวัง
เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ตัวเอง คลอดธรรมชาติ คลอดความสุข
คุณแม่ท้องที่มาเรียนโยคะกับครูลูกน้ำมีทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน และวัยกลางคน บางคนมีจุดมุ่งหมายเพื่อเตรียมความพร้อมในการคลอดลูกแบบธรรมชาติ บางคนต้องการแก้ปัญหาอาการข้างเคียงต่างๆ เช่น ปวดหลัง ขาบวม หรือตะคริว และบางคนต้องการบรรเทาความเครียดที่สะสมจากชีวิตประจำวัน
สิ่งที่น่าชื่นชมคือ บางคุณแม่ขยันมาเรียนโยคะกับครูลูกน้ำอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งวันก่อนคลอด แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งตัวเองและลูกน้อย เป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณแม่รุ่นใหม่ได้เปิดใจรับประสบการณ์ดีๆ ในช่วงตั้งครรภ์
มุมมองใหม่ของสังคมต่อคนท้อง ให้โอกาสพวกเขาใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจของผู้หญิง การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมในช่วงนี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โยคะคนท้องจึงกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
โยคะเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และการไหลเวียนเลือด ซึ่งมีประโยชน์มากมายสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ได้แก่
- ลดความเสี่ยงต่อภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์และครรภ์เป็นพิษ
- บรรเทาอาการปวดหลัง ขาบวม จากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
- เตรียมความพร้อมกล้ามเนื้อสำหรับการคลอดธรรมชาติ
- ช่วยผ่อนคลายความเครียดและความกังวลของคุณแม่
การเรียนโยคะคนท้องตามช่วงอายุครรภ์
- ไตรมาสแรก (0-3 เดือน) ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เนื่องจากฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง และมีความเสี่ยงในการแท้งบุตร
- ไตรมาสที่สอง (4-6 เดือน) เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มออกกำลังกายโยคะ โดยจะเน้นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อแขน ท้อง และอุ้งเชิงกราน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด นอกจากนี้ยังฝึกการควบคุมลมหายใจที่ลึกซึ้งเพื่อใช้ในการเบ่งคลอด
- ไตรมาสที่สาม (7-9 เดือน) เมื่อท้องโตขึ้น การเคลื่อนไหวจะค่อนข้างลำบาก ท่าโยคะที่สอนจะเน้นที่การยืดเหยียด ผ่อนคลาย และบรรเทาอาการปวดเมื่อย อย่างไรก็ตาม คุณแม่ที่มีพื้นฐานการออกกำลังกายมาก่อนหน้า อาจยังคงสามารถทำท่าโยคะขั้นสูงได้
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการเรียนโยคะคนท้อง ควรเริ่มออกกำลังกายมาก่อนตั้งครรภ์ประมาณ 1-2 เดือน เพื่อสร้างพื้นฐานความแข็งแรงให้ร่างกาย นอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มต้นโปรแกรมใหม่ และปรับระดับความหนักเบาตามอายุครรภ์และข้อจำกัดของแต่ละคน
การออกกำลังกายในระหว่างตั้งครรภ์: ทำลายความเชื่อเก่า สร้างสุขภาพที่ดี
เป็นเวลานานที่สังคมไทยยังคงยึดติดกับความเชื่อโบราณ โดยเฉพาะเรื่องการดูแลสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์ ความเชื่อที่ว่าคนท้องไม่ควรขยับตัวมากนัก และควรอยู่เฉยๆ ยังคงฝังรากลึกในจิตใจของคนไทยหลายคน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยทางการแพทย์ในปัจจุบันได้พิสูจน์แล้วว่า การออกกำลังกายในระหว่างตั้งครรภ์นั้นมีประโยชน์มากมาย และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์แต่อย่างใด
ประโยชน์ของการออกกำลังกายสำหรับหญิงตั้งครรภ์
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ และควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เพิ่มขึ้นมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อการคลอดธรรมชาติ
- เสริมสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรง การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในช่วงการคลอด และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วหลังคลอด
- ช่วยผ่อนคลายความเครียด ความเครียดมีผลเสียต่อสุขภาพของทั้งแม่และลูก การออกกำลังกายจะช่วยปล่อยฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน ซึ่งช่วยผ่อนคลายความเครียดได้เป็นอย่างดี
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ การออกกำลังกายสามารถลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
แม้ว่าการออกกำลังกายจะมีประโยชน์มากมาย แต่หญิงตั้งครรภ์ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกาย เพื่อความปลอดภัยและเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
- เลือกชนิดการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น โยคะ ว่ายน้ำ เดินเร็ว เป็นต้น และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงต่อการหกล้ม
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ และอาการเป็นลม
- สังเกตอาการผิดปกติ หากรู้สึกเจ็บท้อง เจ็บหน้าอก หรือมีเลือดออกผิดปกติ ให้หยุดออกกำลังกายทันที และปรึกษาแพทย์
โยคะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากมีท่าออกกำลังกายที่ค่อนข้างนุ่มนวล และเน้นการหายใจเป็นหลัก ท่าโยคะจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เสริมสร้างความยืดหยุ่น และผ่อนคลายความเครียด
นอกจากนี้ โยคะยังมีประโยชน์สำหรับหลังการคลอดด้วย โดยท่าโยคะบางท่าจะช่วยกระชับอุ้งเชิงกรานและอวัยวะภายในให้เข้าที่เข้าทาง รวมถึงช่วยให้พังผืดที่ท้องเรียงตัวสวยงาม ซึ่งควรเริ่มออกกำลังกายโยคะอีกครั้งภายในระยะเวลา 3 เดือนหลังคลอด เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวและเผาผลาญได้เร็วยิ่งขึ้น
การออกกำลังกายในระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่สังคมยังคงมีความเชื่อและค่านิยมเก่าๆ ฝังรากลึก แต่งานวิจัยทางการแพทย์ในปัจจุบันได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์มากกว่าโทษ หากปฏิบัติอย่างถูกวิธีและเหมาะสม โดยมีข้อแนะนำสำคัญคือ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกาย เลือกชนิดกิจกรรมที่เหมาะสม ดื่มน้ำให้เพียงพอ และสังเกตอาการผิดปกติ
โยคะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี เนื่องจากเหมาะกับสภาพร่างกายของคนท้อง มีท่าที่ค่อนข้างนุ่มนวล เน้นการหายใจ และช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด ความยืดหยุ่น รวมถึงการผ่อนคลายความเครียด นอกจากนี้โยคะยังมีประโยชน์สำหรับหลังคลอดด้วย ในแง่ของการกระชับอุ้งเชิงกรานและอวัยวะภายใน รวมถึงช่วยให้พังผืดท้องเรียงตัวเป็นระเบียบ
สุดท้ายนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรนิ่งเฉยและเครียดมากเกินไป แต่ควรเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและมีแผนการ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งแม่และลูกน้อยในครรภ์
Comment :