Published on 11 เมษายน 2025 , 1:13 pm

สหรีจันตา พื้นที่แห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน สู่การเป็น Wellness Center ในชุมชนไทเขิน

สหรีจันตา พื้นที่ในชุมชนอันเงียบสงบ และเรียบง่าย ทว่าแฝงไปด้วยจิตวิญญาณของความมุ่งมั่นที่ต้องการพัฒนาชุมชน และสิ่งแวดล้อมของคนในพื้นที่ ด้วยอาหาร เครื่องดื่ม และกิจกรรมที่เป็นต่อจิตใจ ที่มีจุดมุ่งหมายให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็น Wellness Center ในชุมชนไทเขิน

ในช่วงแดดจัด เวลาบ่าย ๆ ของวันอังคารกลางเดือน Iwelty ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “คุณจุมพล ไชยวงศ์” ผู้ก่อตั้งสหรีจันตาถึงเรื่องราว และแรงบันดาลใจที่ทำให้สถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นมาในจังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศในช่วงเวลานั้นเต็มไปด้วยความเป็นกันเอง และผ่อนคลาย ชวนให้รับรู้ถึงความตั้งใจ และเจตนาที่ดีของคุณจุมพลในการที่อยากช่วยพัฒนาชุมชนในบ้านเกิดของตนเอง

ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน คุณจุมพล ไชยวงศ์ ได้มีโอกาสเดินทางไปยังม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในขณะนั้นมีเพียงแค่โครงการหลวงเท่านั้น รวมถึงได้มีโอกาสในการพูดคุยกับชาวม้งบนดอย ที่มีการทำการเกษตรร่วมกับโครงการหลวง เนื่องจากสนใจที่จะทำเกษตรจริงจัง จึงได้เริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ด้วยเงินทุนของตนเอง กับน้องสาว และได้แรงขับเคลื่อนจากชาวบ้านไปพร้อม ๆ กัน ผนวกกับการนำการเกษตรอินทรีย์เข้ามาเพิ่มพูนองค์ความรู้ให้กับชาวบ้าน และชุมชน ส่งผลให้ตลาดจริงใจมาร์เก็ตได้กลายมาเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงมาถึงทุกวันนี้

ทว่าเมื่อมองในมุมเชิงลึกมากขึ้น คุณจุมพล กลับพบว่าคนส่วนใหญ่ที่ทำอาชีพเกษตกรจะมีเพียงกลุ่มผู้สูงวัยเท่านั้น ทำให้ได้เริ่มต้นมองหาโครงการใหม่อย่าง ‘กาดจาวเขิน’ ตลาดเล็ก ๆ โดดเด่นด้วยวัฒนธรรมไทเขิน  ควบคู่กับการทำตลาดจริงใจมาร์เก็ต เพื่อให้ชาวบ้านสามารถมีรายได้หมุนเวียนในอนาคต เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจากการนำสินค้าไปวางขายที่ตลาดจริงใจมาร์เก็ต กาดจาวเขินก็จะเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่รองรับปัญหาในส่วนนี้ได้

สหรีจันตา (สะ-หรี-จัน-ตา) มาจากชื่อดั้งเดิมของคุณแม่ที่คุณทวดตั้งให้ โดยสหรี แปลว่า ต้นโพธิ์ หรือ ใหญ่ และเต็ม ส่วนจันตา แปลว่าพระจันทร์ ดังนั้นเมื่อนำมารวมกันจะได้ความหมายว่า เดือนเต็มดวง ทางคุณจุมพลเห็นว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่ไพเราะและมีความหมายที่ดีจึงได้นำมาตั้งเป็นชื่อโครงการ 

“ทางคุณแม่บอกว่า เนื่องจากผมทำงานที่ต่างประเทศมาโดยตลอด ทำไมไม่กลับมาช่วยหมู่บ้าน ซึ่งผมเห็นด้วย และเราก็มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการพัฒนาชุมชนอยู่แล้ว และเราเกิดที่นี่ เลยต้องการอยากช่วยเหลือชุมชน จึงได้นำเงินทุนของตัวเองมาขับเคลื่อนที่หมู่บ้านแห่งนี้”

ในระหว่างที่กำลังพูดคุยอยู่นั้น ทางคุณจุมพลยังได้กล่าวอีกว่าตอนที่เข้ามาทำสหรีจันตา ทางคุณจุมพลก็มองทิศทางในอนาคต พบว่า ผู้สูงอายุจะมีเพิ่มมากขึ้นในสังคม และคนในสังคมจะมีความเข้าใจผิดในเรื่องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ รวมถึงมองหาลู่ทางว่าจะต้องทำอย่างไรให้สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวสามารถหารายได้ให้กับชุมชน ทำให้คุณจุมพลได้กำเนิดธุรกิจในคอนเซปต์ 3F คือ

  • Family ใช้พื้นที่ในตัวบ้านมาก่อตั้งธุรกิจ 
  • Faith ความศรัทธา เราต้องมีความศรัทธาก่อนว่าเราสามารถทำได้ และธุรกิจของเราเอื้อต่อสิ่งแวดล้อม
  • Friend เพื่อน การทำธุรกิจไม่จำเป็นต้องทำเพียงแค่คน ๆ เดียว ทว่าเราต้องทำเป็นเครือข่าย นั่นก็คือครอบครัว และคนในชุมชน

และหากมองย้อนไปในเชิงลึกอีก จะพบว่าชาวบ้านชาวไทเขินชอบทำการเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมี ทว่ายังไม่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์อย่างพอเหมาะสม ส่งผลให้คุณจุมพลต้องถ่ายทอดองค์ความรู้ด้วยการเริ่มต้นจากการปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ชาวบ้านได้เรียนรู้ในวิถีการเกษตรอินทรีย์อย่างแท้จริง

“คนที่ทำเกษตรส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ดังนั้นเราจะต้องทำงานควบคู่กับการดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เพราะถ้าหากสุขภาพตนเองดี สุขภาพครอบครัวดี จะส่งผลไปยังสุขภาพของชุมชนที่ดี และส่งต่อไปยังสุขภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีด้วย ดังนั้นเราจึงคิดว่ากิจกรรมของเราจะต้องมีความหลากหลาย”

สหรีจันตาเพียบพร้อมไปด้วยพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ทั้งการนำวัตถุดิบมาจากในชุมชน และจากสมาคมผู้ผลิตพืช และอาหารปลอดภัยมาแปรรูปเป็นอาหารประเภทมังสวิรัต เนื่องจากต้องการให้ทุกอย่างในพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศ Healthy เพราะคุณจุมพลเชื่อว่าอาหารมีส่งผลต่อเรื่องของสภาวะจิตใจ อีกทั้งด้วยแนวคิดการทำธุรกิจแบบ Sharing Economy เปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความรู้ สามารถเข้ามาถ่ายทอดเรื่องราว และความรู้ต่างๆ ผ่านพื้นที่ของสหรีจันตาได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการสนับสนุน และสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชน ทำให้สหรีจันตาได้กลายเป็นธุรกิจที่เปิดกว้างในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของ Wellness Center ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีองค์ความรู้สามารถเข้ามาทำงานในสหรีจันตาได้ อีกทั้งยังช่วยกันถ่ายทอดความรู้เพื่อสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชน อย่างเรื่องสปา ที่นี่จะมีบริการในเรื่องของการนวดแพทย์แผนไทย ที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านได้สร้างอาชีพ และนำสิ่งนี้ไปต่อยอดของตนเอง หรือคนในชุมชนได้

รวมถึงสหรีจันตายังโดดเด่นด้วยเรื่องของชาออร์แกนิก ซึ่งได้นักวิชาการจากประเทศจีนอย่าง คุณแมรี่ มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องของชาอันหอมกรุ่น พร้อมทั้งนำเครื่องดนตรีกู่ฉิน เครื่องดนตรีประเภทดีดโบราณของจีนที่มีการสืบทอดมาอย่างนาวนานกว่า 3000 ปี เข้ามาผสมผสานการบำบัดจิตใจให้แก่ผู้ฟัง ผ่านท้วงทำนองอันลุ่มลึก ปลุกจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความผ่อนคลาย และความมีชีวิตชีวา

นอกจากนี้ทางสหรีจันตายังมีหลักสูตรการฝึกอบรม อาทิ การสอนทำสวนกุหลาบออแกนิกที่คุณจุมพลเฝ้าดูแลด้วยวิถีธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี โดยเมื่อถึงช่วงวัยที่กุหลาบอุดมสมบูรณ์ก็จะนำไปเป็นวัตถุดิบในการทำชาด้วย ประกอบกับที่สหรีจันตายังมีหลักสูตรเรื่องของธรรมเข้ามาสอดแทรกในการบำบัด และฟื้นฟูจิตใจ รวมถึงการบำบัดด้วยกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย อย่างการวาดรูประบายสีไปกับธรรมชาติ ซึ่งทุกกิจกรรมล้วนจะมีบุคคลแต่ละท่านที่มีองค์ความรู้ที่มีเจตจำนงค์อันแรงกล้าที่ต้องการมาถ่ายทอดให้คนในพื้นที่ในชุมชนได้เรียนรู้ รวมถึงคนที่เข้ามาใช้บริการสหรีจันตา และในอนาคตคุณจุมพลมีแพลนที่จะทำหลักสูตรวางแผนธุรกิจการเกษตรที่คุณจุมพลหวังไว้ว่าจะช่วยพัฒนาความเป็นของคนในชุมชนในด้านการเกษตรได้ 

แนวคิดที่อยากพัฒนาชุมชน และพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืน ส่งผลให้สหรีจันตามีเอกลักษณ์ และความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ทั้งการนำบุคคลที่มีองค์ความรู้เข้ามาถ่ายทอดในพื้นที่เพื่อที่จะได้นำความรู้ส่วนนี้ไปต่ยอดสร้างอาชีพใหม่ขึ้นมาได้ ร่วมถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์ และธรรมชาติ ประกอบกับการนำเรื่องศาสนา ดนตรี ศิลปะเข้ามาสอดแทรกเพื่อเป็นกิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ นี่จึงกลายมาเป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใดสหรีจันตาแห่งนี้จึงได้มีกิจกรรมที่หลากหลายตลอดจนนับตั้งแต่พื้นที่ด้านหน้าจวบจนพื้นที่ด้านหลัง เพราะคุณจุมพลต้องการให้สหรีจันตาสามารถฮีลลิ่งตั้งแต่ร่างกายตลอดจนฮีลลิ่งภายในจิตใจ

สหรีจันตรา เปิดให้บริการวันพฤหัสบดี – จันทร์ 10.30 น. – 17.00 น.

หากต้องการรับประทานอาหาร เยี่ยมชมฟาร์มออแกร์นิก เรียนโยคะ หรือจองห้องพัก

สามารถสอบถามหรือโทร.จองได้ที่ 098 279 0088

Comment :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Related Reviews